18 วิธี ปรับปรุงโทนเสียงกีตาร์

18 วิธี ปรับปรุงโทนเสียงกีตาร์

หัวข้อที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดในการเล่นกีตาร์! ลองมาดูวิธีที่ดีที่สุดเพื่อโทนเสียงที่ดีที่สุดของกีตาร์คุณ

 

เปลี่ยนปิ๊กกีตาร์

1. เปลี่ยนปิ๊กกีตาร์

โดยพื้นฐานแล้วการเลือกปิ๊กกีตาร์นั้นมีผลต่อโทนเสียง เช่น เพลงอคูสติกที่ต้องค่อยๆ ดีดเบาๆ ในเพลงช้าบัลลาดสไตล์ซอฟต์ร็อค ซึ่งทั่วไปแล้วเหมาะกับการใช้ปิ๊กที่อ่อนและบางมากกว่า อย่างวัสดุที่เป็นพลาสติก, Tortex แต่ถ้าหากอยากได้โทนเสียงที่มีฮาร์โมนิกเข้มข้นบนกีตาร์ไฟฟ้าสไตล์ Queen หรือ ZZ Top ก็อาจจะเหมาะที่สุดที่จะใช้ปิ๊กโลหะบนสายกีตาร์โลหะ ควรทดลองใช้ปิ๊กหลายๆ แบบเพื่อหาว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเรามากที่สุด

 

ลองใช้สายกีตาร์เบอร์ต่างๆ

2. ลองใช้สายเบอร์ต่างๆ

บางคนอาจจะรู้สึกว่าสายที่ใหญ่กว่าให้เสียงที่ดีกว่า แต่มันก็ไม่เสมอไป สิ่งที่เรารู้อย่างแน่นอนคือเราสามารถทำให้โทนเสียงที่เล่นออกมานั้นแตกต่างกันได้ด้วยสายที่เหมือนกันแต่คนละเบอร์กัน Stevie Ray Vaughan เล่นกีตาร์ Strat ด้วยนิ้วมือของเขากับสายกีตาร์เบอร์ .013, Billy Gibbons เพื่อนของเขา ใช้สายที่เล็กที่สุดเพียง .007 ดังนั้นจึงไม่มีคำว่าถูกหรือผิด มีแต่เพียงแค่อะไรที่เหมาะกับคุณเท่านั้น

 

วัสดุและโครงสร้างสายกีตาร์

3. วัสดุและโครงสร้างสาย

การเลือกเบอร์ของสายไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อเสียง บริษัทผลิตสายต่างๆ มีวัสดุโลหะผสม (Alloys) ที่หลากหลายและมีวิธีการสร้างและผลิตที่แตกต่างกัน รวมถึงขนาดของแกนและขดลวดที่พันรอบแกน ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อการสัมผัสและโทนเสียง การค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าสายแบบ Flatwound นั้นมีความแบนเรียบเป็นพิเศษ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะนำมาใช้กับดนตรีแจ๊ส ส่วน Roundwound จะมีความกลม ซึ่งใช้ได้กับแนวดนตรีทั่วๆ ไปมากกว่า ส่วนใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกสายกีตาร์แบบไหนดี ก็ยังมีสายกีตาร์แบบ Half-Rounds ให้เลือก สายที่ไม่แบนและไม่กลมจนเกินไป

 

ปล่อยให้เรื่องของเสียงเบสเป็นหน้าที่ของกีตาร์เบส

4. ปล่อยให้เรื่องของเสียงเบสเป็นหน้าที่ของกีตาร์เบส

คุณอาจจะผิดหวังเมื่อได้ยินว่า เสียงเบสที่มากขึ้นในกีตาร์ของคุณไม่ได้หมายความว่าเสียงกีตาร์จะอ้วนหนาขึ้น อย่างน้อยก็เมื่อมีมือเบสอยู่ในวงของคุณซึ่งรับผิดชอบเรื่องของเสียงต่ำในดนตรี ไม่คิดที่จะพยายามแข่งกับเสียงเบส ปล่อยให้เรื่องของเสียงต่ำเป็นหน้าที่ของกีตาร์เบส และหันมามีความสุขกับการเล่นอยู่ในโทนเสียงกลาง แล้วคุณจะพบว่า การผสมผสานเสียงเข้าไปในดนตรีของคุณนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น และเสียงดนตรีของคุณจะเด่นชัดยิ่งขึ้นด้วย

 

ลดเสียงแตกเมื่อเปิดระดับเสียงแอมป์ดังขึ้น

5. ลดเสียงแตกเมื่อเปิดระดับเสียงแอมป์ดังขึ้น

การตั้งค่าบอร์ดเอฟเฟคอย่างพิถีพิถันที่บ้าน มักจะไม่ดีสมบูรณ์แบบเมื่อนำไปใช้ในการแสดงสดที่มีเสียงดัง เมื่อคุณเร่งระดับเสียงแอมป์ของคุณให้ดังขึ้น คุณอาจจะต้องการระดับเสียงแตกดิสทอร์ชั่นที่น้อยกว่าเมื่อเล่นอยู่ที่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอมป์ชนิดหลอด ซึ่งเสียงแตกดิสทอร์ชั่นเป็นผลมากจากภาคพาวเวอร์แอมป์ของแอมป์ชนิดหลอด ดังนั้นเวลาที่คุณฝึกในห้องซ้อมในห้องซ้อม คุณควรจะหาเวลาเพื่อหาระดับเสียงที่เหมาะสมสำหรับการเล่นบนเวทีด้วย

 

ใช้ EQ ในการขจัดเสียงหอน

6. ใช้ EQ ในการขจัดเสียงหอน

หากในการแสดงของคุณมีการเล่นเสียงดังหรือ Gain ที่สูง คุณอาจจะต้องเคยเจอกับเสียงหอนรบกวน (Feedback) ในหลายๆ โอกาส ทางออกหนึ่งคือการมีเอฟเฟคที่มีอีคิว (EQ) ในหลายๆ ย่านความถี่ (band) ไว้บนบอร์ดของคุณ และยิ่งมีย่านความถี่เสียงให้ปรับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี คุณจะต้องตัดย่านความถี่ให้แคบลงตรงที่ย่านความถี่เดียวกันกับเสียงหอนนั้น โปรดรู้ไว้ว่าในแต่ละสถานที่จะมีเสียงหอนที่แตกต่างกัน ดังนั้นโปรดเตรียมพร้อมที่จะปรับอีคิวทุกๆ ครั้งที่คุณเล่น

 

ใส่สายม้วนไปทางด้านบนของสะพานสาย Tune-O-Matic

7. ใส่สายม้วนไปทางด้านบนของสะพานสาย Tune-O-Matic

การใส่สายกลับด้านย้อนกลับเข้าไปในเทลพีซ (tailpiece) ของกีตาร์เลสพอล (Les Paul) จากนั้นก็ม้วนขึ้นด้านบนข้ามสะพานสายไปแล้วใส่สายตามปกติที่ส่วนหัวของกีตาร์ คุณอาจจะต้องขันน็อตของเทลพีซให้แน่นมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ได้ความตึงของสายกีตาร์บนสะพานสายที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำแบบนี้ผู้เล่นกีตาร์เลสพอลหลายคน เช่น โจ บอนนามัสซ่า (Joe Bonamassa) ยืนยันว่าจะเพิ่มความกังวานของเสียงกีตาร์

 

ปรับแต่งปุ่มวอลลุ่มด้วย Treble Bleed

8. ปรับแต่งปุ่มวอลลุ่มด้วย Treble Bleed

ปุ่มวอลลุ่มทั่วไปจะสามารถทำให้เสียงแหลมลดลงได้เมื่อปรับระดับเสียงลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจาก low-pass filter  เมื่อคุณเปลี่ยนระดับความดังของเสียง คุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วย Treble Bleed ซึ่งอาจจะเป็นคาปาซิเตอร์ (Capacitor) ที่เชื่อมต่อในแบบขนาน (parallel) กับพอทวอลลุ่ม ซึ่งค่าที่นิยมจะอยู่ที่ 150k resistor กับ 0.001uf cap หรือ 100k/0.002uf.

 

เพิ่มพอทโทนให้กับปิ๊กอัพบรดิจ์ของ Strat

9. เพิ่มพอทโทนให้กับปิ๊กอัพบรดิจ์ของ Strat

อันนี้มีผลมากและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยทั่วไปปุ่มโทนตัวที่สองของกีตาร์ Strat วินเทจจะใช้สำหรับปิ๊กอัพตัวกลาง แต่ปิ๊กอัพตัวสะพานสายจะมีเสียงที่แหลมคมกว่า ดังนั้นมันง่ายมากที่จะย้ายพอทโทนจากการควบคุมปิ๊กอัพในตำแหน่งกลางไปยังตำแหน่งสะพานสาย เพียงแค่หาสายไฟที่เชื่อมกันระหว่างซีเล็กเตอร์และพอทโทนตัวที่สอง จากนั้นย้ายตำแหน่งของสายไฟบนซีเล็กเตอร์เข้าไปทางตรงกลางของซีเล็กเตอร์เพียงหนึ่งตำแหน่ง (เมื่อเทียบกับตำแหน่งเดิม)

 

ปรับแต่ Action กีตาร์ของคุณให้สูงขึ้น

10. ปรับแต่ Action กีตาร์ของคุณให้สูงขึ้น

แน่นอนว่ามันง่ายกว่าที่จะเล่นโซโล่ได้อย่างรวดเร็วเมื่อระดับความสูงต่ำของสาย (Action) อยู่ในระดับต่ำ แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ใช่สายโซโล่ เราจะแนะนำให้คุณปรับระดับความสูงต่ำของสายกีตาร์ให้สูงขึ้นมาอีก คุณจะเห็นได้ว่ายิ่งคุณปรับให้ระดับสายต่ำมากยิ่งขึ้นเท่าไร โอกาสที่สายจะติดเฟรตก็มีมากขึ้นเท่านั้น โทนเสียงจะดีขึ้นมาในทันทีด้วยการปรับระดับสายให้สูงขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

จัดเรียงลำดับแพดเดิ้ลเอฟเฟคของคุณให้ถูกต้อง

11. จัดเรียงลำดับแพดเดิ้ลเอฟเฟคของคุณให้ถูกต้อง

การจัดเรียงแพดเดิ้ลเอฟเฟคตามกฏเกณฑ์ของการไหลผ่านของสัญญาณเสียงเพื่อให้ได้โทนเสียงที่ยอดเยี่ยมแบบไม่ต้องไปลองผิดลองถูก จำไว้เสมอว่า แป้นเหยียบวาว (Wah) มาในอันดับแรก ก่อนหน้าปรีแอมป์ (Preamps) และเสียงแตก (Distortion/Drive) โดยเสียบตรงเข้ากับอินท์พุตของตู้แอมป์ หากแอมป์ของคุณมีช่องต่อเอฟเฟคลูป (Effect Loop) ให้เพิ่มเอฟเฟคดีเลย์ (Delay), โมดูเลชั่น (Modulations) และรีเวิร์บ Reverb ตามลำดับ เอฟเฟคเหล่านี้จะสร้างสัญญาณเสียงซ้ำขึ้นมาอีก ซึ่งเสียงเอฟเฟคเหล่านี้จะดียิ่งขึ้นหลังจากเสียงแตก โดยปกติแล้วตำแหน่งที่ดีที่สุดของคอมเพรสเซอร์ (Compressors) จะอยู่ที่ลำดับแรกของบอร์ด (เหมาะสำหรับแนวฟังก์) หรือลำดับสุดท้าย (คล้ายกับคอมเพรสเซอร์ในสตูดิโอ เหมาะสำหรับโทนเสียงโซโล่ที่ราบรื่น) สิ่งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ถ้าหากใครอยากจะลองสูตรการจัดเรียงแบบอื่นๆ ก็ไม่ถือว่าผิด

 

ปรับระดับความสูงต่ำของปิ๊กอัพ (Pickup)

12. ปรับระดับความสูงต่ำของปิ๊กอัพ (Pickup)

นี่เป็นเคล็ดลับที่หลายๆ คนอาจมองข้าม ในทางทฤษฎีแล้ว การยกปิ๊กอัพของคุณให้สูงขึ้นใกล้กับสายควรจะเพิ่มระดับของเอาท์พุต อย่างไรก็ตามปิ๊กอัพที่ยกใกล้กับสายมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดเสียงรบกวนได้  (Wolf Notes) เมื่อสนามแม่เหล็กของปิ๊กอัพกีตาร์รบกวนการสั่นสะเทือนตามธรรมชาติของสาย ก็จะทำให้เกิดเสียงอันไม่พึงประสงค์ สิ่งที่ควรจะเป็นคือความสมดุลกันระหว่างเอาท์พุตและโทนเสียง

 

ใช้ String-Mutes สำหรับเสียงโซโล่ที่สะอาด

13. ใช้ String-Mutes สำหรับเสียงโซโล่ที่สะอาด

ต้องถามก่อนว่า สไตล์การเล่นของคุณต้องการเสียงที่สะอาดหรือป่าว เพราะถ้าสไตล์การเล่นของคุณต้องการเสียงที่สะอาดก็ต้องลองใช้ Fret wrap หรือผ้าพันเฟรต ที่สามารถช่วยขจัดเสียงรบกวน Overtones และ Resonances จากสายกีตาร์ ช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้นในขณะที่เล่น นอกจากนี้คุณยังสามารถวางโฟมไว้ระหว่างสะพานสาย (Bridge) และเทลพีซ (Tailpiece) ของกีตาร์สไตล์ Lespaul ก็ได้

 

เพิ่มบัฟเฟอร์ (Buffer)

14. เพิ่มบัฟเฟอร์ (Buffer)

สายแจ็คที่ยาวและแป้นเหยียบเอฟเฟคที่เชื่อมต่อกันหลายๆ ตัวจะทำให้โทนเสียงของคุณแย่ลงได้ คุณสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการเพิ่มบัฟเฟอร์ (Buffer) ลงบนบอร์ดเอฟเฟค ถ้าหากว่าคุณมีเอฟเฟคหลายตัวอยู่บนบอร์ดอยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่บัฟเฟอร์จะรวมอยู่ในเอฟเฟคเหล่านั้น

ถ้าหากว่าสายสัญญาณนั้นยาวเกินไป (และคุณไม่สามารถที่จะเปลี่ยนเป็นสายสัญญาณที่สั้นกว่าได้) การวางบัฟเฟอร์ไว้ในตำแหน่งแรกสุดของการเชื่อมต่อจะช่วยได้ และถ้าหากว่าไม่สามารถสลับตำแหน่งของเอฟเฟคได้ คุณสามารถหาซี้อบัฟเฟอร์ได้ในราคาไม่แพง

 

ลองบู๊ท (Boost) เสียงคลีน

15. ลองบู๊ท (Boost) เสียงคลีน

เรียกว่าเป็นอาวุธลับบนบอร์ดเอฟเฟคเลยก็ว่าได้ การบู๊ทเสียงคลีนจะเพิ่มระดับเสียงสัญญาณ โดยประมาณ 15-20 เดซิเบล หากคุณชอบโทนเสียงของแอมป์หลอดและไม่ต้องการให้โทนเสียงเปลี่ยนแปลงไป เอฟเฟคบู๊ทจะเหมาะสำหรับคุณ โดยสามารถใช้ชั่วคราวสำหรับบู๊ทเสียงในการเล่นโซโล่หรือเปิดไว้ตลอดสำหรับโทนเสียงที่คมชัดขึ้น

 

เซ็ตอัพกีตาร์

16. เซ็ตอัพกีตาร์

เป็นสิ่งที่ทุกๆ คนรู้ แต่การรักษากีตาร์ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากมันได้อย่างสูงสุด เราขอแนะนำว่าให้คุณไปพบช่างกีตาร์เพื่อเซ็ตอัพกีตาร์อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

 

ระบุปัญหาของโทนเสียงเป็นอันดับแรก

17. ระบุปัญหาของโทนเสียงเป็นอันดับแรก

บางครั้งการหาโทนเสียงที่ดีที่สุดก็ไม่ใช่คำตอบ หากคุณชอบเสียงของกีตาร์ที่คุณซื้อมา ให้ถามตัวเองว่าจำเป็นต้องอัพเกรดมันจริงๆ หรือไม่ บางทีแค่การปรับแต่งกีตาร์ที่คุณมีอยู่แล้วก็เพียงพอแล้ว

 

ใช้แอมป์ที่มีขนาดเหมาะสม

18. ใช้แอมป์ที่มีขนาดเหมาะสม

แอมป์หลอดจะมีจุดที่เหมาะสม (Sweet Spot) สำหรับโทนเสียงที่ดีที่สุด แต่สำหรับแอมป์ Fender จากประสบการณ์ส่วนใหญ่การปรับวอลลุ่มหลัก (Master Volume) จะอยู่ที่ระดับ 4-8 หากคุณพบว่าแอมป์หลอดมีเสียงที่แข็ง แตก หรือกระด้างเกินไป อาจเป็นเพราะไม่ได้ปรับวอลลุ่มดังมากพอเพื่อที่แอมป์จะได้ทำงานได้เต็มที่